ใบแจ้งข่าว

จากที่คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพได้มีหนังสือที่ ยพส กรุงเทพฯพิเศษ 25/05/2550 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 ขอให้ดำเนินการกรณีการเสียชีวิตทีมัสยิดกรือเซะ ตามกฎหมายเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตามคำสั่งศาลจังหวัดปัตตานี คดีหมายเลข ช. 4/ 2547 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 ว่า …ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 32 คนถูกเจ้าหน้าที่กระทำให้เสียชีวิต ในจำนวนนี้มี 4 คนเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 05.00 . บริเวณหน้ามัสยิดกรือเซะ ส่วนอีก 28 คนเสียชีวิตภายในมัสยิดหรือเซะเมื่อเวลา 14.00 . ซึ่งเป็นการเสียชีวิตภายใต้คำสั่งการของ พล..พัลลภ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน) พันเอกมนัส คงแป้น ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีและพันตรีธนภัทร นาคชัยยะ นายทหารยุทธการกรมรบพิเศษที่ 3 (ยศขณะนั้น) ทั้งนี้ศาลปัตตานีได้ส่งคำสั่งให้อัยการจังหวัดปัตตานีดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปกติต่อไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 สำนักงานอัยการสูงสุด โดย นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือที่ อส 0023.1/ 1425 ถึงนางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ แจ้งว่า คดีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีส่งสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสถานีตรวจภูธรอำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี และสำนวนการไต่สวนของศาลจังหวัดปัตตานี คดีฆาตกรรมซึ่งนายสการียา ยูโซ๊ะ กับพวกรวม 32 คนผู้ตาย ถูกจ่าสิบตำรวจอดินันท์หรืออดินันต์ เกษตรกาลาห์หรือเกษตรกาลาม์หรือเกษตรกาลา กับพวกรวม 6 คน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ฆ่า ไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 ซึ่งอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่ฟ้องจ่าสิบตำรวจอดินันท์หรืออดินันต์ เกษตรกาลาห์หรือเกษตรกาลาม์หรือเกษตรกาลา ผู้ต้องหาที่ 1 จ่าสิบเอกเดชา ผลาหาญ ผู้ต้องหาที่ 2 จ่าสิบเอกชูศักดิ์ ตรุณพิมพ์ ผู้ต้องหาที่ 3 สิบเอกชิดชัย อ่อนโต๊ะ ผู้ต้องหาที่ 4 พลทหารสุรชัย ศิลานันท์ ผู้ต้องหาที่ 5 และพันเอกมนัส คงแป้น ผู้ต้องหาที่ 6 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 68 “

(ภายหลังเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547 รัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 104/2547 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 ให้แต่งตั้ง คณะกรรมการอิสระไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมัสยิดกรือเซะ ขึ้น โดยมี นายนายสุจินดา ยงสุนทร อดีตเอกอัครราชทูตและอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานกรรมการ

คณะกรรมการอิสระ ฯ เสียงข้างมาก มีความเห็นในข้อ 5.1.1.1 ว่า…แม้ฝ่ายเจ้าหน้าที่จะอ้างว่าจำเป็นต้องใช้อาวุธเพื่อปกป้องชีวิตตนเองและประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่เมื่อคำนึงถึงที่ตั้งของมัสยิดกรือเซะซึ่งตั้งอยู่อย่างเป็นเอกเทศ ไม่ได้อยู่กลางแหล่งชุมชนและจำนวนประชาชนก็ไม่ได้มีจำนวนมากตามที่มีการกล่าวอ้าง การใช้วิธีปิดล้อมและตรึงกำลังไว้รอบมัสยิดควบคู่ไปกับการเจรจาและเกลี้ยกล่อมโดยสันติวิธี อาจทำให้ผู้ก่อความไม่สงบยอมจำนนได้ในที่สุด อันจะช่วยให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลเรื่องวัตถุประสงค์ของการดำเนินการครั้งนี้รวมทั้งผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่การประเมินสถานการณ์และป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การยุติเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะด้วยสันติวิธีจึงมีความเหมาะสมกว่าที่จะใช้วิธีรุนแรงและอาวุธหนักเพื่อยุติเหตุการณ์…)

ทั้งนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้พิจารณารายงานฉบับแรกของประเทศไทย ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งได้เสนอสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการประชุมสามัญครั้งที่ 84 ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม 2548 และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งประชาชาติได้ตั้งประเด็นข้อกังวลและข้อเสนอแนะ ในข้อที่ 10 (ในข้อ C ข้อ 7-24) เพื่อให้รัฐบาลไทยตอบคำถามชี้แจงเพิ่มเติมในรายงานฉบับที่ 2 นั้นได้มีความห่วงใยต่อการกล่าวหาอย่างต่อเนื่อง เรื่องมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง รวมทั้งเรื่องที่มีการวิสามัญฆาตกรรมเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และการปฏิบัติที่มิชอบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของฝ่ายทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น กรณีเหตุการณ์ที่ตากใบ เมื่อเดือนตุลาคม 2547 กรณีเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 การฆ่าจำนวนมากที่เกิดขึ้นระหว่าง การทำสงครามกับยาเสพติดฯ รวมทั้งเรื่องการสอบสวนทั้งหลายที่ล้มเหลวในการดำเนินคดีและการลงโทษจำคุกที่เหมาะสมกับขนาดของการกระทำความผิดทางอาญาที่นำไปสู่การสร้าง วัฒนธรรมการไม่ต้องรับโทษคณะกรรมการมีข้อกังวลต่อกับสถานการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการขาดการช่วยเหลือเยียวยาที่มีประสิทธิภาพที่จะให้แก่ผู้เสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน

…………………………………

ติดต่อ อังคณา นีละไพจิตร 084 728 0350

พุทธนี กางกั้น 086 3321249