แถลงการณ์คัดค้านการยกเลิกคำสั่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ ๑ /๒๕๔๔

ตามที่ได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ ให้ยกเลิกคำสั่งสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ ๑/ ๒๕๔๔เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์สันติวิธี ลงวันที่ ๑๘เม.ย. พ.ศ. ๒๕๔๔ และคำสั่งที่เกี่ยวเนื่องแก้ไขเพิ่มเติม หรือออกโดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งดังกล่าว โดยการเสนอของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) มติดังกล่าวจึงถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญทางนโยบายและแนวทางการทำงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้จากเดิมที่ สมช.ใช้แนวทางสันติวิธีเป็นนโยบายและแนวทางปฏิบัติ

คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ มีความห่วงใยเป็นอย่างสูงต่อการยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งคณะกรรมการฯดังกล่าวซึ่งมีนายพิชัย รัตนพล เป็นประธานคณะกรรมการฯ และมีนพ.ประเวศ วะสี ในฐานะที่ปรึกษา เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการฯดังกล่าว ได้รับการยอมรับอย่างสูงในหมู่ประชาชนในการใช้สันติวิธีเป็นแนวทางหลักในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยโดยเฉพาะในจัหวัดชายแดนภาคใต้ การยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการปิดหนทางการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และอาจเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายบัญญัติ อีกทั้งเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนมากขึ้น

รัฐบาลควรศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ซึ่งจะพบว่า การปราบปรามด้วยวิธีรุนแรงมิอาจนำไปสู่การยุติความรุนแรงและสามารถสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนได้ ในทางกลับกันการใช้ความรุนแรงจะทำให้เกิดการตอบโต้ด้วยความรุนแรงจนยากที่จะควบคุมได้ สังคมไทยเคยผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้วจึงน่าจะเป็นบทเรียนที่รัฐบาลควรจดจำ และให้ความใส่ใจ นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าว


เป็นที่ทราบและยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ปัญหาความขัดแย้ง และความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีสาเหตุมาจากความไม่เป็นธรรมในอดีต ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจึงจำเป็นต้องยึดถือแนวทางสันติวิธี ที่มีพื้นฐานของหลักนิติธรรม เป็นนโยบาลหลัก คณะทำงานฯจึงขอคัดค้านการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดังนี้

๑. ขอให้รัฐบาลนำข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส) มาเป็นนโยบายและแนวทางหลักในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้

๒. ขอให้รัฐบาลมีความหนักแน่น อดทน ในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี แม้จะใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหา แต่จะสามารถแก้ไขความขัดแย้งและความรุนแรงได้อย่างยั่งยืน

๓. รัฐบาลต้องเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างโปร่งใส โดยให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นักสิทธิมนุษยชน รวมถึงให้ผู้เขียนรายงานพิเศษด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม ขององค์การสหประชาชาติได้เข้ามาสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมต่างๆ

ทั้งนี้ คณะทำงานฯขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้ารัฐ และประชาชนทุกท่านที่ยังคงทำงานหนักในการแก้ไขปัญหาจัหวัดชายแดนภาคใต้ และยึดมั่นในสันติวิธี และหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด เพื่อนำสันติสุขให้คืนกลับสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืนในที่สุด

………………………………………….

ติดต่อ อังคณา นีละไพจิตร ประธานฯ ๐๘๔ ๗๒๘ ๐๓๕๐

พุทธณี กางกั้น ผู้ประสานงาน ๐๘๖ ๓๓๒ ๑๒๔๙

แต่นับจากนี้ไปจะใช้แนวทางสันติวิธีเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น