Embargo until 28 January 2008: Condemnation of the use of children to perpetuate violenceแถลงการณ์ ประณามการใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการใช้ความรุนแรง เรียกร้องให้รัฐติดตามตรวจสอบ

In pursuance to a report by the TJA News titled “RTT, local security guards and villagers rose up to protect their lives from threats and preserve their mother land” published on 27 January 2008, it was said that a group of villagers in the three Southern provinces has formed the “Ruam Thai Group” (“Thailand United Group”) and provides training on self-defence including arms training for children at the age of 8 to 10. The training course, aka “Kumarn Thong” course, has been provided for 300 children.
จากกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ในสถาบันข่าวอิศรา หัวข้อข่าว “RTT อส.พิทักษ์ถิ่นเมื่อชาวบ้านลุกขึ้นร่วมต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตจากการถูกไล่ทำร้าย และรักษาแผ่นดินเกิด” วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กล่าวถึงการที่ชาวบ้านจำนวนหนึ่งในสามจังหวัดภาคใต้รวมตัวกันในนาม “กลุ่มรวมไทย” มีการอบรมการฝึกอาวุธเพื่อปกป้องตนเอง รวมถึงการฝึกอาวุธให้แก่เด็กอายุระหว่าง ๘-๑๐ ปีในหลักสูตรกุมารทอง ซึ่งขณะนี้มีจำนวนถึง ๓๐๐ คน

The Working Group on Justice for Peace is gravely concerned with this unauthorized arms training which has been conducted to public with no monitoring or control by relevant state agencies. In addition, to train children at the age of 8 to 11 to use arms paves the way for them to be used as a weapon of mass destruction and mayhem. Children thus become both the victims and perpetrators of violence at the same time. They could become the most destructive tool for massacre.

The incidence is viewed as a blatant breach of child rights enshrined in the Constitution of the Kingdom of Thailand B.E. 2550 (2008) and the UN Convention on the Rights of the Child to which Thailand is a signatory. Its Article 19 (1) states that “States Parties shall take all appropriate legislative, administrative, social and educational measures to protect the child from all forms of physical or mental violence, injury or abuse…” and in Article 16 (1), “No child shall be subjected to arbitrary or unlawful interference…nor to unlawful attacks on his or her honour and reputation.”

The Working Group on Justice for Peace condemns the efforts to provide arms training for youth and the procurement of child soldiers, whether it’s being conducted by any groups in the restive South where security in life and properties are scarce. Children are innocent parties and are not supposed to be made victims of violence. They shall not be either forced to become violence perpetrators or to be part of efforts to murder innocent people, the acts of which shall engender endless cycle of violence.

The Working Group calls on concerned parties in their attempts to solve unrest in the South and organizations working to protect child rights, state and private agencies and United Nations to promptly intervene and investigate the incidence. Out demands are as follows;

  1. All concerned parties with the solving of unrest in the South and organizations working to protect child rights, state and private agencies and United Nations must promptly intervene and investigate the incidence and bring to an end an effort to force children to become victims and weapons of violence. In addition, measures must be meted out to halt the breach of child rights and to bring about genuine enforcement of domestic laws, the Constitution and the UN Convention on the Rights of the Child for protection of children and youth.
  2. Remedies must be provided for children and youth as well as their families who have been made victims of violence and subject to both mental and physical abuse.
  3. The state shall abide by the rule of law and nonviolence in seeking the solutions through nurturing cooperation and trust among local people and that people’s sector should be given more opportunities to be part of the solutions through nonviolence.

The Working Group would like to commend all relevant officers working to bring a halt to unrest in the Deep South for the sacrifice they have made, their patience and unwavering stand on the rule of law as well as nonviolence. We hope that they become part of the efforts to protect child rights and help to prevent innocent children from becoming victims of any forms of violence.
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งในการรวมกลุ่มเพื่อฝึกและใช้อาวุธให้แก่ประชาชนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และไม่มีหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมดูแลโดยเปิดเผย อีกทั้งการฝึกอาวุธให้แก่เด็กอายุ ๘-๑๐ ปีนั้นย่อมถือว่าเป็นการนำเด็กและเยาวชนมาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้าง เข่นฆ่า และทำให้เด็กต้องตกเป็นทั้งเหยื่อของความรุนแรงและเป็นผู้ที่ใช้ความรุนแรงเอง เด็กอาจถูกนำมาเป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่ใช้ในการประหัตประหาร

สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็กอย่างร้ายแรงซึ่งได้รับรองไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพ.ศ. ๒๕๕๐ และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิเด็กขององค์การสหประชาติ ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ ซึ่งระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ในมาตรา ๑๙ (๑) ว่า “รัฐภาคีจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทั้งปวง ด้านนิติบัญญัติ บริหาร สังคมและการศึกษา ในอันที่จะคุ้มครองเด็กจากรูปแบบทั้งปวงของความรุนแรงทั้งทางร่างกาย และจิตใจ การทำร้ายหรือการกระทำอันมิชอบ … ” และในมาตรา ๑๖ (๑) “เด็กจะไม่ถูกแทรกแซงโดยพลการ …. รวมทั้งจะไม่ถูกกระทำโดยมิชอบต่อเกียรติ และชื่อเสียง ”

ทางคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพขอประณามการดำเนินการฝึกอาวุธให้แก่เยาวชน หรือการจัดตั้งกองกำลังเด็ก (Child Soldiers) ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มใดในพื้นที่ที่กำลังมีความขัดแย้งและความไม่มั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า เด็กคือผู้บริสุทธิ์ เด็กไม่ควรที่จะต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง และจะต้องไม่ถูกบังคับให้เป็นผู้ใช้ความรุนแรงเพื่อนำไปสู่การประหัตประหารผู้บริสุทธิ์ อันเป็นการสร้างวงจรความรุนแรงอย่างไม่สิ้นสุด

ทั้งนี้คณะทำงาน ฯ จะได้เรียกร้องต่อผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และองค์กรต่างๆที่ทำงานเพื่อปกป้องสิทธิเด็ก ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งองค์การสหประชาชาติเข้ามาติดตามสอบสวนเรื่องนี้โดยด่วนตามข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

๑. ขอให้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมทั้งองค์กรภาคเอกชน และองค์การสหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบและยุติการบังคับให้เด็กต้องตกเป็นเหยื่อและเป็นเครื่องมือของการใช้ความรุนแรงอย่างจริงจัง รวมทั้งหามาตรการที่จะหยุดยั้งการกระทำใดๆที่เป็นการละเมิดสิทธิเด็ก รวมทั้งให้มีการนำกฎหมายในประเทศ รัฐธรรมนูญ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กมาบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะเป็นการให้ความคุ้มครองแก่เด็กและเยาวชน

๒. ให้มีการเยียวยา แก่บรรดาเด็กและเยาวชน รวมทั้งครอบครัวผู้ซึ่งต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงและที่ถูกบังคับให้เป็นผู้ใช้ความรุนแรงอย่างไม่เหมาะสมทั้งทางร่างกายและจิตใจ

๓. ให้รัฐยึดหลักนิติธรรมและสันติวิธีเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยใช้วิธีการสร้างความร่วมมือและความไว้วางใจในหมู่ประชาชนให้มากขึ้น และควรให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาโดยยึดถือแนวทางสันติวิธีอย่างจริงจัง

คณะทำงานฯขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกท่านที่เสียสละ อดทน และยึดมั่นในหลักนิติธรรม และแนวทางสันติวิธีอย่างเคร่งครัดในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น แลขอให้ร่วมกันปกป้องสิทธิของเด็ก และเยาวชนผู้บริสุทธิ์มิให้ต้องตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ

******

ติดต่อ อังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ 084-7280350

พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้ประสานงาน คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ 086-7093000