6 ปีตากใบ ความล้มเหลว กระบวนการยุติธรรมไทยกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพออกแถลงการณืเนื่องในโอกาสครบ 6 ปีเหตุการณ์ที่ อ.ตากใบ นราธิวาสเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดทบทวนการสั่งไม่ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งควบคุมผู้ชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต 78 ศพและให้รัฐบาลมีมาตรการในการคุ้มครองพยานให้มั่นใจในความปลอดภัยมีรายละเอียดังนี้

วันที่ 25 ตุลาคม 2553 ซึ่งครบ 6 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมของประชาชนหน้าสถานีตำรวจภูธร อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส อันถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีการสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งของประชาชนใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และแม้รัฐบาลที่ผ่านมาจะได้เพียรพยายามเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ผู้รอดชีวิต รวมถึงชุมชน และสังคม

แต่สิ่งเดียวที่รัฐบาลในทุกสมัยไม่เคยให้แก่ประชาชนคือ ความยุติธรรม

มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพออกแถลงการณืเนื่องในโอกาสครบ 6 ปีเหตุการณ์ที่ อ.ตากใบ นราธิวาสเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดทบทวนการสั่งไม่ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งควบคุมผู้ชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต 78 ศพและให้รัฐบาลมีมาตรการในการคุ้มครองพยานให้มั่นใจในความปลอดภัยมีรายละเอียดังนี้

วันที่ 25 ตุลาคม 2553 ซึ่งครบ 6 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมของประชาชนหน้าสถานีตำรวจภูธร อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส อันถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีการสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งของประชาชนใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และแม้รัฐบาลที่ผ่านมาจะได้เพียรพยายามเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ผู้รอดชีวิต รวมถึงชุมชน และสังคม

แต่สิ่งเดียวที่รัฐบาลในทุกสมัยไม่เคยให้แก่ประชาชนคือ ความยุติธรรม

ในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 มีผู้เสียชีวิตหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ 7 คน ปัจจุบันพนักงานอัยการมีคำสั่งงดการสอบสวนเนื่องจากไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้ทำให้เกิดการเสียชีวิต

ต่อมาได้มีการขนย้ายผู้ชุมนุมทั้งหมดไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พบมีผู้เสียชีวิตภายในรถที่ขนย้ายอีก 78 คน รวมผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 85 คน ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บ และพิการ ในกรณีการเสียชีวิตศาลจังหวัดสงขลาได้มีคำสั่งไต่สวนการตายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม2552 สรุปว่า ผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากการขาดอากาศหายใจ ขณะอยู่ในระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนส่งพนักงานอัยการ โดย พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าใครเป็นผู้ทำให้เกิดการเสียชีวิต และผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีขณะนั้นเห็นพ้องกับอัยการในการสั่งไม่ฟ้อง คดีจึงถือเป็นอันยุติ

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐซึ่งรวมถึงหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่ต้องอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ กรณี ตากใบจึงเป็นเสมือนบทพิสูจน์ความจริงใจของรัฐในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดน ภาคใต้ เพราะเป็นที่ยอมรับร่วมกันว่า รากเหง้าของปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาจากความไม่เป็นธรรม การละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชาวไทยเชื้อสายมลายูในพื้นที่ดังกล่าว

แม้กฎหมายจะมีพื้นที่ให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องต่อศาลได้เองโดยตรง แต่ ผู้ครอบครัวเสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้อยู่ในสถานะยากลำบาก อีกทั้งการฟ้องร้องหน่วยงานความมั่นคงก่อให้เกิดความหวาดกลัว และการไม่มีหลักประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำประชาชนให้ไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรมบนบรรทัดฐานของความเท่าเทียมทางกฎหมายได้

ในโอกาสครบรอบเหตุการณ์ตากใบ มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย และองค์กรอิสระซึ่งมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามกระบวนการยุติธรรม ดังนี้

1.ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดทบทวนความเห็นใน การสั่งไม่ฟ้องคดีกรณีตากใบ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิทางศาลในการหาความเป็นธรรมได้อย่างเต็มที่

2.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรเพิ่มบทบาทในการช่วยเหลือผู้เสียหายกรณีตากใบและครอบครัวให้เข้าถึงความ ยุติธรรมโดยการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗(๔)

3.รัฐบาลต้องมีมาตราการในการให้ความคุ้มครอง พยานซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตให้มีความมั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสามารถให้การเป็นพยานในชั้นศาล และสามารถนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้

4.สังคมไทยต้องนำบทเรียนของเหตุการณ์การละเมิดสิทธิต่อประชาชน รวมทั้งการใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมชนของประชาชน โดยไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในทุกกรณี และร่วมกันเฝ้าติดตามการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของกรณีการละเมิดสิ ทธิฯในเหตุการณ์ตากใบ

เพื่อสร้างความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และเพื่อการฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ และปรับกระบวนทัศน์ในการอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลรวมถึงกระบวนการยุติธรรมไทยจึงต้องทบทวนบทบาทที่ผ่านมาว่า แท้จริงแล้วกระบวนการยุติธรรมไทยยืนอยู่บนพื้นฐานของความจริง และความยุติธรรมเพื่อปกป้องบุคคลจากการถูกละเมิดสิทธิ เสรีภาพ ตามหลักนิติธรรม อย่างไร

เพราะการปรองดอง และความสมานฉันท์ย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากความเป็นธรรม อีกทั้งสันติภาพก็มิได้หมายถึงเพียงการยุติความรุนแรง แต่สันติภาพที่ยั่งยืนหมายถึงการที่ประชาชนทุกคนจะเป็นอิสระจากความหวาดกลัว และต้องไม่ให้มีการงดเว้นโทษ (Impunity) อีกต่อไป

ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287979663&grpid=no&catid=02

ในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 มีผู้เสียชีวิตหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ 7 คน ปัจจุบันพนักงานอัยการมีคำสั่งงดการสอบสวนเนื่องจากไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้ทำให้เกิดการเสียชีวิต

ต่อมาได้มีการขนย้ายผู้ชุมนุมทั้งหมดไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พบมีผู้เสียชีวิตภายในรถที่ขนย้ายอีก 78 คน รวมผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 85 คน ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บ และพิการ ในกรณีการเสียชีวิตศาลจังหวัดสงขลาได้มีคำสั่งไต่สวนการตายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม2552 สรุปว่า ผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากการขาดอากาศหายใจ ขณะอยู่ในระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนส่งพนักงานอัยการ โดย พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าใครเป็นผู้ทำให้เกิดการเสียชีวิต และผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีขณะนั้นเห็นพ้องกับอัยการในการสั่งไม่ฟ้อง คดีจึงถือเป็นอันยุติ

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐซึ่งรวมถึงหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่ต้องอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ กรณี ตากใบจึงเป็นเสมือนบทพิสูจน์ความจริงใจของรัฐในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดน ภาคใต้ เพราะเป็นที่ยอมรับร่วมกันว่า รากเหง้าของปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาจากความไม่เป็นธรรม การละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชาวไทยเชื้อสายมลายูในพื้นที่ดังกล่าว

แม้กฎหมายจะมีพื้นที่ให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องต่อศาลได้เองโดยตรง แต่ ผู้ครอบครัวเสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้อยู่ในสถานะยากลำบาก อีกทั้งการฟ้องร้องหน่วยงานความมั่นคงก่อให้เกิดความหวาดกลัว และการไม่มีหลักประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำประชาชนให้ไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรมบนบรรทัดฐานของความเท่าเทียมทางกฎหมายได้

ในโอกาสครบรอบเหตุการณ์ตากใบ มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย และองค์กรอิสระซึ่งมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามกระบวนการยุติธรรม ดังนี้

1.ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดทบทวนความเห็นใน การสั่งไม่ฟ้องคดีกรณีตากใบ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิทางศาลในการหาความเป็นธรรมได้อย่างเต็มที่

2.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรเพิ่มบทบาทในการช่วยเหลือผู้เสียหายกรณีตากใบและครอบครัวให้เข้าถึงความ ยุติธรรมโดยการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗(๔)

3.รัฐบาลต้องมีมาตราการในการให้ความคุ้มครอง พยานซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตให้มีความมั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสามารถให้การเป็นพยานในชั้นศาล และสามารถนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้

4.สังคมไทยต้องนำบทเรียนของเหตุการณ์การละเมิดสิทธิต่อประชาชน รวมทั้งการใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมชนของประชาชน โดยไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในทุกกรณี และร่วมกันเฝ้าติดตามการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของกรณีการละเมิดสิ ทธิฯในเหตุการณ์ตากใบ

เพื่อสร้างความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และเพื่อการฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ และปรับกระบวนทัศน์ในการอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลรวมถึงกระบวนการยุติธรรมไทยจึงต้องทบทวนบทบาทที่ผ่านมาว่า แท้จริงแล้วกระบวนการยุติธรรมไทยยืนอยู่บนพื้นฐานของความจริง และความยุติธรรมเพื่อปกป้องบุคคลจากการถูกละเมิดสิทธิ เสรีภาพ ตามหลักนิติธรรม อย่างไร

เพราะการปรองดอง และความสมานฉันท์ย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากความเป็นธรรม อีกทั้งสันติภาพก็มิได้หมายถึงเพียงการยุติความรุนแรง แต่สันติภาพที่ยั่งยืนหมายถึงการที่ประชาชนทุกคนจะเป็นอิสระจากความหวาดกลัว และต้องไม่ให้มีการงดเว้นโทษ (Impunity) อีกต่อไป

ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287979663&grpid=no&catid=02